ซอด้วง
ซอด้วงเป็นซอสองสาย
มีเสียงแหลม ก้องกังวาน คันทวนยาวประมาณ 72 ซม คันชักยาวประมาณ 68 ซม ใช้ขนหางม้าประมาณ 120
– 150 เส้น กะโหลกของ ซอด้วงนั้น แต่เดิมใช้กระบอกไม้ไผ่มาทำ
ปากกระบอกของซอด้วงกว้างประมาณ 7 ซม ตัวกระบอกยาวประมาณ 13 ซม
กะโหลกของซอด้วงนี้ ในปัจจุบันใช้ไม้จริง หรือ งาช้างทำก็ได้
สายซอด้วงนั้น
มีเพียงสองสายและมีเสียงอยู่ สองเสียง คือสายเอกจะเป็นเสียง "เร"
ส่วนสายทุ้มจะเป็นเสียง "ซอล" โดยใช้สายไหมฟั่นหรือว่าสายเอ็นก็ได้
ประวัติที่มาของซอด้วง
ซอด้วง เป็นเครื่องดนตรีประเภทเครื่องสี มี 2 สาย
เกิดเสียงจากการใช้คันชักสี ใช้บรรเลงในวงดนตรีไทยประเภทต่างๆ เช่น
วงเครื่องสายไทย วงมโหรีและการบรรเลงเดี่ยว
ทำหน้าที่เป็นผู้นำวงและดำเนินทำนองในแนวระดับเสียงสูงคู่กับซออู้ที่ดำเนิน
ทำนองในระดับเสียงต่ำลักษณะของซอด้วงนั้นมีลักษณะคล้ายซอของประเทศจีน ที่มีชื่อว่า
“ฮู-ฉิน” ทุกอย่าง เหตุที่เรียกว่า “ซอด้วง” ก็เพราะมีรูปร่างคล้ายเครื่องดักสัตว์
ทำด้วยกระบอกไม้ไผ่เหมือนกัน จึงได้เรียกชื่อไปตามลักษณะนั่นเอง
จากหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับเครื่องดนตรีในสมัยกรุงศรีอยุธยา ปรากฏข้อความในกฎมณเฑียรบาล
ซึ่งตราไว้ในสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ (พ.ศ.1991
- 2031) ในกฎมณเฑียรบาลตอนที่ 15 และ 20 อันเป็นบทบัญญัติกำหนดโทษแก่ผู้ที่เล่นดนตรีเพลิดเพลินเกินขอบเขตเข้าไปถึง
พระราชฐานขณะล่องเรือผ่านนั้น ปรากฏมีชื่อเครื่องดนตรีระบุไว้ ได้แก่ ขลุ่ย ปี่ ซอ
จะเข้ กระจับปี่ โทน ทับในจดหมายเหตุลาลูแบร์ ได้บันทึกไว้ว่า “ขบวนเรือยาวที่แห่มารับตัวท่านและคณะว่ามีเสียงเห่
เสียงโห่และเสียงดนตรีประเภทกระจับปี่สีซอดังกึกก้องไพเราะไปทั่วคุ้ง น้ำ...”จะเห็นได้ว่า ในกฎมณเฑียรบาลและในจดหมายเหตุลาลูแบร์ ได้มีการกล่าวถึง“ซอ” ไว้อย่างชัดเจน
แต่เสียดายที่ไม่ได้ระบุแน่ชัดว่าเป็นซออะไร
1. กระบอกซอ มีลักษณะเป็นทรงกระบอกทำด้วยไม้ ตรงลำตัวจะมีกระพุ้งเล็กน้อย
ตอนปลายผายภายในเจอะให้เป็นโพรง ใกล้หน้าขึ้นหนังจะเจาะรู 2 รูเพื่อใส่คันทวน
2. หน้าซอ ขึ้นหนังด้วยหนังลูกวัว หนังงูเหลือม หรือหนังลูกแพะ
3. คันทวน จะทำด้วยไม้ซึ่งมีส่วนประกอบดังนี้
- เดือย เป็นส่วนล่างสุดกลึงให้เล็ก
เพื่อสอดใส่เข้าไปในกะโหลกตอนบนทะลุออกตอนล่างเล็กน้อย
- เท้าช้าง กลึงลักษณะกลมเพื่อยึดติดกับกะโหลกซอตอนบน
- ลูกแก้ว กลึงเป็นวงกลมรอบไม้ต่อจากเท้าช้าง
- เส้นสวด กลึงเป็นวงกลม ห่างจากลูกแก้วขึ้นมาเล็กน้อย
- บัวกลึง บากให้เป็นสี่เหลี่ยมเพื่อให้รับกับโขนซอ
- โขนซอที่ปลายคันทวน จะกลึงรูปสี่เหลี่ยม โค้งไปทางหลังเล็กน้อยเรียกว่าโขนซอ และที่โขน จะเจาะรู 2 รูเพื่อสอดใส่ลูกบิด
- ลูกบิด ทำด้วยไม้กลึงหัวใหญ่มีลักษณะเป็นลูกแก้ว
ก้านบัวประดับเม็ดปลายกลมเรียวแหลม เพื่อสวดใส่ในลูกบิด
ตอนปลายสุดจะบากเป็นช่องเล็กๆ สำหรับผูกสายซอ
- สาย ใช้สายไหมทั้ง ๒ เส้น เส้นหนึ่งเป็นสายเอก
อีกเส้นหนึ่งเป็นสายทุ้มต่อมาใช้สายเอ็นผูกที่เดือยใต้กะโหลลกผ่านหย่อง ซึ่งทำด้วยไม่เล็กเพื่อหนุนสายให้ลอยตัวผ่านหนังหน้าซอไปยังลูกบิดและไปพัน
ผูกที่ปลายลูกบิดทั้งสอง ก่อนถึงลูกบิดใช้เชือกรัดสายให้ตึงห่างจากคันทวนพอประมาณ
เรียกว่า รัดอก
- คันชัก ทำด้วยไม้กลึงกลมโค้งเล็กน้อย
ตอนหัวและหาง กลึงเป็นลูกแก้ว
ภาพแสดงส่วนประกอบต่างๆ
ของซอด้วง
การเทียบเสียงซอด้วง
ใช้ขลุ่ยเพียงออเป่าเสียง ซอล โดยการปิดมือบนและนิ้วค้ำ เป่าลมกลางๆ ก็จะได้เสียง ซอล ขึ้นสายทุ้มของซอด้วง ให้ตรงกับเสียงซอลนี้
ต่อไปเป็นเสียงสายเอก ใช้ขลุ่ยเป่าเสียง เร โดยปิดนิ้วต่อไปอีก 3 นิ้ว
เป่าด้วยลมแรง ก็จะได้เสียง เรขึ้นสายเอกให้ตรงกับเสียง เร นี้
การนั่งสีซอ
นั่งพับเพียบบนพื้น
จับคันซอด้วยมือซ้าย ให้ได้กึ่งกลางต่ำกว่ารัดอกลงมาเล็กน้อย
ให้ซอโอนออกกจากตัวนิดหน่อย คันซออยู่ในอุ้งมือซ้าย ตัวกระบอกซอวางไว้บนขา
ให้ตัวกระบอกซออยู่ในตำแหน่งข้อพับติดกับลำตัว
มือขวาจับคันสีด้วยการแบ่งคันสีให้ได้ 5 ส่วน แล้วจึงจับส่วนที่ 3 ข้าง ท้าย
ให้คันสีพาดไปบนมือนิ้วชี้ นิ้วกลางเป็นส่วนรับคันสี ใช้นิ้วหัวแม่มือกดกระชับไว้
นิ้วนางกับนิ้วก้อยงอไว้ส่วนใน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการดันคันสีออกมาหาสายเอก และ
ดึงเข้าเมื่อต้องการสีสายทุ้ม
การสีซอ
วางคันสีไว้ด้านใน
ให้อยู่ในลักษณะเตรียมชักออก ค่อยๆลากคันสีออกให้เกิดเสียง ซอล จนสุดคันชัก แล้วเปลี่ยนเป็นสีเข้าในสายเดียวกัน (ทำเรื่อยไปจนกว่าจะคล่อง) พอซ้อมสายในคล่องดีแล้ว
จึงเปลี่ยนมาสีสายเอกซึ่งเป็นเสียง เร โดยการใช้นิ้วนางกับนิ้วก้อยมือขวา ดันคันสีออก ปฏิบัติจนคล่อง
ฝึกสลับให้เกิดเสียงดังนี้
คันสี
ออก เข้า ออก เข้า
= เสียง ซอล ซอล เร เร
ข้อควรระวัง
ข้อควรระวัง
ต้องวางซอให้ตรง
โดยใช้ข้อมือซ้ายควบคุม อย่าให้ซอบิดไปมาได้
วิธีการดูแลรักษาเครื่องดนตรี
(ซอ)
1.เมื่อเลิดเล่นให้ลดสายด้วยการบิดลูกบิดลงประมาณครึ่งรอบแล้วเลื่อนหมอนรองรองสายขึ้นไว้บนขอบกระโหลก
2. ทำความสะอาดโดยการใช้ผ้าแห้งเช็ด
3. แขวนหรือใส่ถุงเก็บในตู้ให้มิดชิด
4. การใส่สายซอ สายเอกใส่ที่ลูกบิดล่างเวลาขึ้นสายบิดเข้าหาตัว สายทุ้มใส่ที่ลูกบิดบน
5. สายรัดอก รัดต่ำจากลูกบิดสายเอกประมาณ ๔-๕ นิ้ว ให้ลึกประมาณครึ่งนิ้ว
6. การหยอดสายยางสนบนกระโหลกซอ ให้หยอดเฉพาะตำแหน่งที่หางม้าผ่านเท่านั้น เมื่อฝุ่นยางสนเกาะกระโหลก หลังเลิกเล่นต้องเช็ดให้แห้ง
7. หากสายขาดบ่อยๆให้ใช้สายเอ็นแทนก็ได้
8. หมอนซออู้มีขนาดโตกว่าซอด้วง ใช้แทนด้วยไม้ระกำ หรือหุ้มด้วยผ้า ถ้าจำเป็นอาจใช้กระดาษม้วนเป็นวงกลมขนาดพอเหมาะแทนชั่วคราวได้
2. ทำความสะอาดโดยการใช้ผ้าแห้งเช็ด
3. แขวนหรือใส่ถุงเก็บในตู้ให้มิดชิด
4. การใส่สายซอ สายเอกใส่ที่ลูกบิดล่างเวลาขึ้นสายบิดเข้าหาตัว สายทุ้มใส่ที่ลูกบิดบน
5. สายรัดอก รัดต่ำจากลูกบิดสายเอกประมาณ ๔-๕ นิ้ว ให้ลึกประมาณครึ่งนิ้ว
6. การหยอดสายยางสนบนกระโหลกซอ ให้หยอดเฉพาะตำแหน่งที่หางม้าผ่านเท่านั้น เมื่อฝุ่นยางสนเกาะกระโหลก หลังเลิกเล่นต้องเช็ดให้แห้ง
7. หากสายขาดบ่อยๆให้ใช้สายเอ็นแทนก็ได้
8. หมอนซออู้มีขนาดโตกว่าซอด้วง ใช้แทนด้วยไม้ระกำ หรือหุ้มด้วยผ้า ถ้าจำเป็นอาจใช้กระดาษม้วนเป็นวงกลมขนาดพอเหมาะแทนชั่วคราวได้
เอกสารอ้างอิง
ภัทราวุฒิ จูถนอม. “ซอด้วง” [ออนไลน์] / เข้าถึงได้จาก : http://www.thaigoodview.com
สืบค้น 16 มกราคม 2556 เวลา 14:57 น.